ปาฏิหาริย์ราชันชุดขาว
แมนฯ ซิตี้ กับ เรอัล มาดริด สองทีมยักษ์ใหญ่แห่งของวงการลูกหนัง สร้างเกมสุดสะพรึงในรอบตัดเชือกถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ยิ่งในช่วงท้ายเกมดวลกันสุดระทึกอีกครั้งจากการฟาดแข้งนัดสองที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เมื่อวันพุธที่ 4 พ.ค.ซึ่งต้องมีการต่อเวลาพิเศษ
เรอัล มาดริด สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกครั้งด้วยการพลิกกลับมาเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในรอบรองชนะเลิศ นัด 2 ส่งผลให้สกอร์รวม 2 นัด เสมอกัน 5-5 และต้องต่อเวลาพิเศษเพิ่มอีก 30 นาที สุดท้ายแล้ว ทางราชันชุดขาว กลับมาได้ประตูชัยจากลูกจุดโทษของ คาริม เบนเซม่า ในนาทีที่ 95 จบเกมเจ้าบ้าน เอาชนะไปที่สกอร์ 3-1 และผลรวมสกอร์ทั้งหมด “โลส บลังโกส” สามารถคว้าชัยไป 6-5 ได้ทะลุเข้าไปปะทะกับ ลิเวอร์พูล ในรอบชิงชนะเลิศ ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคมนี้
เกมการแข่งขันใน 45 นาทีแรกที่ เบร์นาเบว ทั้งสองทีมฟอร์มออกมาแบบคู่คี่สูสีทั้งด้านของเปอร์เซนต์การครองบอล และโอกาสยิงประตู แต่ทั้งคู่ยังไร้ความเด็ดขาด จึงเสมอกันไปแบบไร้สกอร์ในช่วงครึ่งแรก
และกระทั่งเริ่มครึ่งหลังทางเข้าบ้าน เรอัล มาดริด ซึ่งจำเป็นต้องยิงประตูให้ได้อย่างน้อยอีกหนึ่งเม็ดเพื่อตีเสมอด้วยสกอร์รวมที่เท่ากัน พร้อมทั้งยังสามารถยื้อโอกาสลุ้นเข้าชิงชนะเลิศก็เริ่มเร่งเกมอย่างเต็มกำลัง พวกเขาสามารจะกดดัน เรือใบสีฟ้า ได้ดีขึ้นตามลำดับ อาจจะเพราะมีเสียงเชียร์ของแฟนบอลที่ดังสนั่นจนทำเอาทีมจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก เริ่มเก็บทรงไม่ค่อยอยู่ชนิดที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยนักว่าจะมีสักกี่ทีมที่ทำให้ แมนฯ ซิตี้ วิ่งพล่านได้มากถึงเพียงนี้
และที่สำคัญ จอมทัพตัวเก่ง อย่าง เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพของทีมเยือน แทบไม่มีบทบาทอะไรกับเกมนี้เลยเนื่องจากเขาได้สัมผัสบอลไม่มากนัก จนในที่สุด เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ก็ตัดสินใจถอดตัวกองกลางทีมชาติเบลเยี่ยมออกและส่ง อิลคาย กุนโดกัน ลงไปปั้นเกมในแดนกลางแทนช่วงกลางครึ่งหลัง
ด้วยความชะล่าหรืออะไรบางอย่าง ที่ เป๊ป เลือกถอดอาวุธร้ายออกจากเกม ก่อนที่นาที 73 จะเป็นทีมเยือน แมนฯ ซิตี ที่ขึ้นนำ 1-0 จากการยิงของ ริยาด มาห์เรซ จากนั้น รีล มาดริด ก็เริ่มแก้เกมเปลี่ยนตัว 3 คนติด ๆ กัน เปลี่ยนกองกลางยกแผง ส่ง โรดริโก, เอดูอาร์โด กามาแวงก้า และ มาร์โก อเซนซิโอ ลงมาแทน โทนี โครส, ลูก้า โมดริช และ กาเซมิโร
ซึ่งในนาที 90 กับ 90+1 ราชัน แหกโค้งโกงตายแบบเหลือเชื่อ ทะลวง 2 ประตูจาก โรดริโก คนเดียวแซงนำ แมนฯซิตี 2-1 ก่อนจบเกมไปด้วยสกอร์นี้ รวมผล 2 นัดทั้งสองทีมเสมอกัน 5-5 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที
ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป โมเมนตัมเกมเริ่มเอนเอียงไปทาง รีล มาดริด ที่มาได้จุดโทษจากการทำฟาวล์ของ รูเบน ดิอาซ ในการปะทะกับ คาริม เบนเซม่า และไม่พลาด ดาวยิงเลือกน้ำหอม กดประตูที่ 15 ของตนเองในถ้วยยุโรปปีนี้ไม่พลาดส่งให้ทีมขึ้นนำ 3-1 ในนาทีที่ 95
และผลปรากฏว่าทีมแชมป์จาก ลา ลีกา ได้สร้างวีรกรรมสุดแสบได้ได้สมฉายา “ราชันชุดขาว” เนื่องจากทีมเจ้าพ่อถ้วยหูใหญ่ สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายเขี่ย ทีมเรือใบสีฟ้า กระเด็นตกรอบตัดเชือกอย่างเหลือเชื่อ เข้าไปชิงชนะเลิศกับ ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จในเกม บิ๊กแม็ตช์ วันที่ 28 พ.ค.นี้ที่กรุงปารีส
The miracle of the king in white
Manchester City and Real Madrid, two of the biggest teams of the football industry. Make the most terrifying game in the cup playoffs. Champions League Even at the end of the game, another thrilling duel from the second match at the Santiago Bernabeu on Wednesday, May 4, which requires extra time.
Real Madrid were able to create another miracle by coming back to beat Manchester City in the Champions League semi-final second leg, resulting in a 5-5 draw on aggregate on aggregate. 30 minutes of extra time. Finally, the White King Came back to score a goal from Karim Benzema‘s penalty in the 95th minute, finishing the home game. Defeated with the score 3-1 and the total score of “Los Blancos” can win 6-5, going through to face Liverpool in the final in Paris, France on Saturday, May 28.
In the first 45 minutes of the game at the Bernabeu, both teams form evenly-matched pairs of ball possession percentages. and scoring opportunities But both are still decisive. Therefore, it was tied without a score in the first half.
And until the start of the second half, Real Madrid’s home entrance, which needed to score at least one more goal to equalize with the same total score. As well as being able to hold a chance to win the final, start accelerating the game in full force. They were able to put more pressure on the Blues, respectively. Maybe because of the loud cheering of the football fans that made the Premier League top teams start to keep their shape, not often seen how many teams have made Manchester City run like this.
and most importantly, a good commander like Kevin de Bruyne, the visiting army commander He played almost no role in this game as he had little touch on the ball until the big boss Pep Guardiola finally decided to take off the Belgian midfielder and send Ilkay Gundogan down to form the game. In the middle field instead of the middle of the second half
Out of frustration or something, Pep chose to remove the deadly weapon from the game before 73 minutes as the away team led 1-0 by Riyad Mahrez’s shot, then Real Madrid began to correct. Three players in a row replaced the midfield, sending Rodrigo, Eduardo Camavanga and Marco Asensio on for Toni Kroos, Luka Modric and Gaze. Miro
In which in the 90th minute and 90+1, the King overcame an incredible death curve, breaking through 2 goals from Rodrigo alone, overtaking Manchester City 2-1 before the end of the game with this score, including 2 games, both teams tied. 5-5 must have extra time of 30 minutes.
Now the situation has changed. The momentum of the game began to lean towards Real Madrid, who received a penalty from Ruben Diaz’s foul in clash with Karim Benzema and failed to miss. Do not miss to send the team to lead 3-1 in the 95th minute.
And as a result, it appears that the La Liga champion team has created the most brutal heroism that can be called “White King” due to the big cup godfather team able to turn the situation back into the kicker blue sail team Incredibly knocked out of the playoffs went to the final with Liverpool successfully in the big game on May 28 in Paris
ติดตามข่าวฟุตบอลและรับ ลิงค์ดูบอล ดู บอล สด ดู บอล ดูบอลสด บอล สด ดู บอล ออนไลน์ ดูบอล ได้ตลอด 24 ชม. ที่ ดูบอลฟรี.tv